วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อย่าประมาท โดย ท่านขุนน้อย

ว่ากันว่า...ใครก็ตามที่เริ่มต้นด้วยการ โกหก ซะอย่าง ย่อมสามารถ ทำชั่ว ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากมองถึงความพยายามของผู้ซึ่งหวังจะปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง หาทางรื้อฟื้นพลัง เสื้อแดง ให้คึกคักขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าจะต้อง ขี้เท็จ หรือ โกหกหน้าด้านๆ ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า...ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเกิดความห่วงใย วิตกกังวลต่อมวลชน ที่ยังอุตส่าห์ลากขาเดินตามบุคคลเหล่านี้กันแบบก้าวต่อก้าว...

-----------------------------------------------


ดูเหมือนว่ามันจะยากเอามากๆ...ต่อการชี้แจง ทำความเข้าใจ กับกลุ่มคนเหล่านี้ พูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต่างไปจากการออกมาต่อล้อต่อเถียงกันว่า หมามีสี่ขา...หรือว่ามีสิบขา อะไรประมาณนั้น ต่อให้เอาสุนัขตัวเป็นๆ มีขาครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งสี่ขามายืนยัน แสดงหลักฐาน ข้อพิสูจน์ ให้เห็นกันชัดๆ ต่อหน้าต่อตา แต่ถ้าหากว่าลองไม่เชื่อเสียอย่าง...ยังไงๆ มันก็ยังคงยืนกรานว่า หมาต้องมีสิบขาอยู่อีกจนได้...

------------------------------------------------


และจะด้วยสาเหตุทางการเมือง หรือสาเหตุอื่นๆ อีกหรือไม่ก็มิอาจทราบได้??? ดูเหมือนว่า...ผู้คนอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ผู้ซึ่งพร้อมที่จะฟังแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อเท่านั้น อะไรก็ตามที่ผิดแผกแตกต่างไปจากความเชื่อของตัวเอง สิ่งเหล่านั้นจะต้องถูกปฏิเสธโดยเด็ดขาด และโดยทันทีทันใด ก็ยังคงออกมาขานรับ ความเท็จวันนี้ ด้วยการเปล่งเสียงตะโกนแสดงความเชื่อมั่นว่าหมาย่อมมีสิบขา อย่างน่าอเนจอนาถ น่าสมเพชเวทนาแบบสุดๆ...

--------------------------------------------------


แต่ทำไงได้...ในเมื่อบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพี่ๆ น้องๆ ของเราทั้งนั้น จะไปจับตัวเอามาผ่ากะโหลก ควักสมองออกมาขัดถูด้วยสกอตไบรท์ แล้วยัดกลับเข้าไปในกบาล เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในแบบฉับพลันทันที มันคงไม่ถึงกับง่ายขนาดนั้น ในเมื่อต่างก็เป็นมนุษย์ร่วมวัฏสังสารเดียวกัน แถมเกิดและเติบโตขึ้นมาในแผ่นดินเดียวกันอีกต่างหาก ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้อง ทำใจ ให้เวลา ให้โอกาส รอวันที่ข้อมูล ข้อเท็จจริงทั้งหลายจะค่อยๆ ซึมซ่าน ออสโมซิส ผ่านรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะกันทีละเล็กทีละน้อย...

--------------------------------------------------


อย่างไรก็ตาม...ในแง่ผลลัพธ์ทางการเมืองแล้ว คงไม่ถึงกับต้องมีอะไรน่าห่วงใย น่ากังวลมากมายนัก เพราะพลังใดๆ ก็ตามที่มันไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจาก ข้อเท็จจริง ตั้งแต่แรก สุดท้าย...มันย่อมต้องเผาผลาญตัวมันเองให้มอดไหม้ไปในเวลาอันรวดเร็วอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้...แม้นว่ามันจะนำมาซึ่งความน่าเบื่อ น่ารำคาญ ก่อให้เกิดความจุกจิกกวนใจขนาดไหน ก็อย่าไปเก็บเอามาเป็นเรื่องเป็นราวให้ต้องรกสมอง ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของตัวมันเองน่าจะดีกว่า...


---------------------------------------------------


หันไปทุ่มเทเวลาให้กับเรื่องใหญ่ๆ เรื่องที่มีความสำคัญกับความเป็นความตายของชาติบ้านเมืองในปัจจุบัน และในอนาคตข้างหน้ากันให้หนักๆ เข้าไว้ โดยเฉพาะเรื่อง เศรษฐกิจ นั่นแหละ ที่คงต้องยอมรับว่า...เมื่อมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่ารัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลบริหารบ้านเมือง จะมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองเดินมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่โดยความรู้สึกของผู้คนจำนวนไม่น้อย ก็ยังไม่ได้เป็นไปในแบบเดียวกับรัฐบาลกันซักเท่าไหร่นัก และไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด แต่ถ้าหากรัฐบาลยังไม่สามารถทำให้เกิด ความเชื่อมั่น ในความรู้สึกของผู้คนได้อย่างจริงๆ จังๆ อันนี้ต้องเรียกว่า...อันตราย น่าห่วง และน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง...

---------------------------------------------------


การที่รัฐบาลหันไปให้ความสำคัญกับเรื่อง เงินๆ-ทองๆ เอามากๆ ไม่ว่าการตั้งท่าเตรียมตัวจะกู้เงินนับเป็นล้านๆ บาท การหาทางลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กันชนิดชุลมุนวุ่นวาย คำถามต่างๆ ที่จะกรูเข้ามาหารัฐบาล ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่อง เงิน-ทองๆ เช่นเดียวกัน เสียงบ่นพึมพำถึงมาตรการรีดภาษีนานาชนิด โดยไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ว่ากล้าที่จะเข้าไปข้องแวะ แตะต้อง กับภาษีบางประเภท อย่างภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ทั้งๆ ที่ตัวเองเคยแสดงอาการฮึดๆ ฮัดๆ กันมาก่อน...สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลคงจะต้องหาคำตอบกันให้ชัดๆ โดยเฉพาะในสภาวะที่สังคมกำลังถูกแบ่งแยกให้แตกออกไปเป็นฝ่ายๆ เป็นชนชั้นสูง ชนชั้นล่าง อยู่ในทุกวันนี้...

--------------------------------------------------


นอกจากจะต้องทำให้การตอบคำถามในเรื่อง เงินๆ-ทองๆ ไม่ว่าในแง่ของรายได้ หรือรายจ่ายก็ตาม เป็นคำตอบ คำอธิบายในลักษณะที่ เป็นธรรม กับทุกฝ่ายแล้ว ยังเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องให้ความชัดเจนต่อ ประสิทธิภาพ และ ประโยชน์สูงสุด ในการใช้จ่าย ตลอดไปจนถึงรายได้ อันมีที่มาจากการนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ หรือการสร้างหนี้ในรูปแบบต่างๆ อย่างตรงไป-ตรงมา เพราะเมื่อใดก็ตาม...ที่คำตอบเหล่านี้ ยังเต็มไปด้วยความเคลือบคลุม สงสัย ทุกข้อ ทุกประเด็นที่ว่านี้ มันสามารถนำไปสู่การสร้าง เงื่อนไข วกกลับมาเป็นปัญหาทางการเมืองกันอีกจนได้ ถึงจังหวะนั้น...คงจะไม่ใช่มีแต่พวก หัวขวด หรือพวกมวลชนสมองโล่งแต่เพียงเท่านั้น แต่มันจะเต็มไปด้วยส้นมือ ส้นตีน ที่ถูกระดมมาจากประเภท ของจริง-ของแท้ ในระดับแทบทุกสารทิศเอาเลยก็ไม่แน่???

----------------------------------------------------


ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าเพิ่งไปประมาท จนอาจจะทำให้เกิด การประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เหมือนอย่างที่หวิดๆ จะเจ๊งทางการเมือง ในช่วงการประชุมอาเซียนคราวที่แล้ว นอกจากจะต้องใช้ความละเอียด ประณีต ในการกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วางแนวทางนโยบายให้ชัดเจน การใช้คนให้ถูกกับงาน เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหาในแต่ละปัญหา ยังถือเป็นเรื่องฉกาจฉกรรจ์ที่ไม่อาจละเลยได้ เผลอไปไว้ใจ เทพเทือก แค่แวบเดียวเท่านั้น หวิดจะพังไปทั้งกระดาน และถึงจะเป็นเรื่องเงินๆ-ทองๆ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ก็คงไม่ได้ต่างไปจากเรื่องความมั่นคงนั่นแหละ ถ้าหากไม่หมั่นตรวจสอบ สร้างระบบเช็กดับเบิลเช็ก ให้ละเอียดยิบกันจริงๆ ก็โดย อดีตมือเศรษฐกิจ ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยให้ความมั่นอกมั่นใจ ชนิดไม่มีใครกล้าแตะมิใช่หรือ??? ที่เคยลากประเทศทั้งประเทศเข้ารกเข้าพง หวิดจะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีกันนับเป็นทศวรรษๆ จนต้องเนรเทศตัวเองออกไปซัดเซพเนจรอยู่บนเส้นทางสายไหม ไม่คิดจะหวนกลับมาสู่วงการการเมืองจนตราบเท่าทุกวันนี้...

-----------------------------------------------------


ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก "สุภาษิตนิรนาม"..."การใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย...ก่อให้เกิดความขาดแคลนที่น่าสมเพช".